เด็กหญิงกามิลา มาร์ตีเนซ วัย 3 ขวบ สร้างความแตกตื่นให้กับพ่อแม่หลังจากตื่นมาในงานศพตัวเอง หลังจากแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในรัฐซันลุยส์โปโตซี ตอนกลางของประเทศ ลงความเห็นว่าเสียชีวิตแล้วจากการขาดน้ำ หนังสือพิมพ์รายงานว่าเด็กหญิงคนนี้ปวดท้อง อาเจียน และมีไข้ ทำให้นางแมรี เจน เมนโดซา และสามี พาลูกสาวของพวกตนไปพบกุมารแพทย์ใกล้บ้าน
ก่อนถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลชุมชนซาลินัส เด อีดัลโก นางเมนโดซาเผยว่า แพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ใช้ผ้าเย้นลดอุณหภูมิร่างกายลูกสาวแล้ววัดปริมาณออกซิเจนในเลือดจากนิ้วมือเท่านั้นก่อนบอกให้กลับมาดูอาการที่บ้าน พร้อมจ่ายยาพาราเซตามอลมาให้ วันต่อมากลับไม่ดีขึ้นเลยแถมยังแย่ลงด้วย จึงพาไปพบแพทย์ที่คลินิกอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งบอกให้ลูกสาวรับประทานผลไม้ที่ไม่หวานและให้ดื่มน้ำให้มากๆ แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน เด็กหญิงมาร์ตีเนซอาเจียนทุกอย่างออกมาหมด จึงพาไปพบแพทย์อีกคนหนึ่ง แพทย์รายนี้แนะนำให้รีบพาเข้าห้องฉุกเฉินด่วน เด็กหญิงมาร์ติเนซจึงเข้าไปรับการรักษาที่โรงพบาบาลชุมชนแห่งเดิมอีกครั้ง นางเมนโดซา แม่ของเด็ก เล่าว่า พยายามให้น้ำเกลือแต่กว่าจะหาเส้นเลือดเจอก็ใช้เวลานานมาก แต่พอให้น้ำเกลือได้ 10 นาทีก็ถอดออก หลังจากนั้นตนจึงกอดลูกสาวของตน แต่พยาบาลก็รีบแยกตนออกจากลูกแล้วตำหนิว่าควรให้ลูกได้พักผ่อน ต่อมาเรื่องแปลกก็เกิดขึ้น นางสาวเมนโดซา เล่าต่อไปว่า พยาบาลก็พาตัวไปไว้ที่อีกห้องหนึ่ง ก่อนขังตนไม่ให้ออกมา แต่สุดท้ายก็หาวิธีออกจากห้องนั้นจนมาได้ จึงพยายามเข้าไปในห้องที่ลูกตนรักษาตัวอยุ่ แต่เข้าไปไม่ได้ และทำได้แต่รอ ซึ่งต่อมาแพทย์ก็มาบอกว่าลูกสาวของตนเสียชีวิตแล้ว วันรุ่งขึ้น ญาติจึงนำตัวของเด็กหญิงมาร์ตีเนซไปประกอบพิธี แต่ขณะที่เพื่อนๆ และญาติยืนรายล้อมโลงศพอยู่นั้น กลับมีคนเห็นว่ามีฝ้าขึ้นเกาะกระจกโลงศพ ส่วนยายของเด็กหญิงจะเห็นดวงตาขยับได้ จึงจับชีพจรและพบว่ายังไม่เสียชีวิต ครอบครัวจึงเรียกรถพยาบาลให้มารับตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเดิม แต่รักษาได้ไม่นานแพทย์ก็ลงความเห็นว่าเด็กหญิงเสียชีวิตจากอาการสมองบวม